การมีภาวะน้ำหนักเกินไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคกรดไหลย้อนเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคในระบบทางเดินอาหารอื่นๆ เช่น มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับอ่อน มะเร็งลำไส้ เป็นต้น โดยมีงานวิจัยที่บ่งชี้ว่า ผู้ป่วยโรคอ้วนที่มีความสัมพันธ์กับภาวะดื้ออินซูลิน จะมีโอกาสเกิดติ่งเนื้อในลำไส้เพิ่มขึ้นมากกว่าคนทั่วไป และมีจำนวนมากขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะพัฒนาไปเป็นมะเร็งลำไส้ในอนาคตมากขึ้นไปด้วย โดยในปัจจุบัน การศึกษาพบว่าการมีน้ำหนักเกินหรืออ้วนอาจเพิ่มโอกาสของการเกิดมะเร็งลำไส้ได้ในอายุยังน้อย จึงควรเฝ้าระวังความผิดปกติของร่างกาย ควบคู่ไปกับการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีนพ.รัชพงศ์ กล่าวอีกว่า การลดน้ำหนักเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ผู้ป่วยด้วยโรคในระบบทางเดินอาหาร ตั้งแต่หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ตับ ตับอ่อน ท่อน้ำดี และลำไส้ใหญ่ ร่างกายกลับมาฟื้นตัวและมีอาการดีขึ้น แต่จะดีกว่าหากรู้ว่า ตนเองมีน้ำหนักเกิน และเริ่มลดน้ำหนักอย่างจริงจัง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคได้ การลดน้ำหนักที่ได้ผลควรลดให้ได้ประมาณ 7-10% ของน้ำหนักตัวตั้งต้นภายใน 6 เดือน โดยเน้นที่การควบคุมอาหารและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การควบคุมอาหารเป็นพื้นฐานสำคัญของการลดน้ำหนักอย่างถาวร ด้วยการรับประทานอาหารที่พลังงานน้อยกว่า ที่ร่างกายต้องใช้ในแต่ละวันอย่างน้อย 500 แคลอรี่ โดยลดอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล แต่ยังคงรับประทานอาหารที่หลากหลายครบทั้ง 5 หมู่ ควบคู่กับการออกกำลังกายประเภทแอโรบิก (Aerobic Exercise) ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่ต้องใช้ออกซิเจนขณะออกกำลังกาย เพื่อนำออกซิเจนไปเป็นตัวช่วยในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีนในร่างกาย
การออกกำลังกายประเภทแอโรบิกเพื่อการลดน้ำหนัก ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายอย่างหนัก แต่ต้องออกให้พอเหนื่อยและต่อเนื่อง โดยใช้ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 20 นาทีในแต่ละครั้ง หรือไม่น้อยกว่า 150 นาทีต่อสัปดาห์ แอโรบิกที่เหมาะกับการลดน้ำหนัก เช่น เดินเร็ว วิ่ง ปั่นจักรยาน การเต้น กระโดดเชือก เป็นต้น แต่หากเป็นผู้ที่มีปัญหาเรื่องข้อเข่า ข้อต่อไม่แข็งแรง ก็อาจเลือกการว่ายน้ำแทนการใช้ขาแทนการออกกำลังกายแบบอื่นๆ เพื่อลดโอกาสการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นตามมา
วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2565

ลดน้ำหนัก...ลดภัยคุกคาม “มะเร็งระบบทางเดินอาหาร”
Tags
# โรคน่ารู้
Share This

About wellnesstimesnews
โรคน่ารู้
ป้ายกำกับ:
โรคน่ารู้
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
Author Details
สาระน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น