โควิด-19 กับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาด้านการแพทย์ - Wellness Times News

Breaking

Home Top Ad

POST TOP AD

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

โควิด-19 กับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาด้านการแพทย์

 

โควิด-19 ส่งผลกระทบร้ายแรงเป็นอย่างยิ่งและนำมาสู่ความสูญเสียอย่างมากมาย ถ้าหากมองในแง่ดี  โควิด-19 เป็นตัวเร่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการแพทย์  

ศ. พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ  นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย, ที่ปรึกษาศูนย์วิจัยคลินิก และอาจารย์สาขาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล  กล่าวว่า ถ้ามองอีกภาพหนึ่งของโควิด-19  เหรียญมี 2 ด้าน นั่นคือช่วงที่เป็นโควิดก็เลวร้าย แต่เราพยายามนำวิกฤตมาเป็นโอกาส  ผลกระทบของโควิด-19  ทำให้เกิดการพัฒนาในเรื่องการวินิจฉัยและการรักษาโรคของระบบทางเดินหายใจอย่างมาก ประชาชนรู้จักใช้ ATK นอกจากนี้มีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย มีการประชุมวิชาการทางไกล มีการใช้ระบบออนไลน์ เช่น ZOOM  โควิด-19  เป็นตัวเร่งสถานการณ์และการพัฒนาการหลายอย่างให้เกิดขึ้น แต่แน่นอนว่าแลกมาด้วยความเสียหาย และการเสียชีวิตมากมาย

สิ่งหนึ่งที่มีความชัดเจนที่เกิดจากโควิด-19 คือ การพัฒนาในเรื่องของวัคซีน เมื่อก่อนหากจะมีวัคซีนใหม่ขึ้นมาสักตัวนั้น  ต้องใช้เวลาหลายปีในการทดสอบและวิจัยจนกระทั่งออกมาเป็นวัคซีนจากการระบาดของโรคโควิด-19 การพัฒนาในห้องทดลองวิทยาศาสตร์จนกระทั่งถึงจุดที่นำมาสู่กระบวนการผลิตและนำมาสู่การใช้งานจริง ใช้เวลาสั้นลงมาก  โรคโควิด-19 ระบาดเพียงปีกว่าเรามีวัคซีนใช้แล้ว นับว่าเร็วมากหากเทียบกับวัคซีนตัวอื่นๆ ยุคก่อนโควิด-19 ที่ใช้เวลากว่า 10 ปี จะเห็นว่าวัคซีนที่มีวิวัฒนาการเป็นวัคซีนที่ดี และเทคโนโลยีในการผลิตวัคซีนโควิด-19 จะนำความรู้ไปสู่การพัฒนาการผลิตวัคซีนใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นด้วย รวมถึงวัคซีนสำเร็จรูป Long Acting Monoclonal Antibody  ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้มีการใช้อย่างกว้างขวาง  เมื่อมีโควิด-19 มีการนำออกมาใช้มากมายและวิวัฒนาการล่าสุดคือ ฉีดครั้งหนึ่งสามารถอยู่ได้ 6 เดือน เป็นวิวัฒนาการที่เกิดขึ้นมาได้เพราะโควิด-19 นั่นเอง 

ศ. พญ.กุลกัญญา  กล่าวเพิ่มเติมว่านอกจากนี้โควิด-19 ยังทำให้เราทุกคนมีความรู้เกี่ยวกับสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะโรคทางระบบทางเดินหายใจ ช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 เมื่อเราปฏิบัติมาตรการป้องกันจะเห็นว่า โรคไข้หวัดใหญ่ โรคอาร์เอสวี โรคอุจจาระร่วง แม้กระทั่งโรคไข้เลือดออก เกิดขึ้นน้อยลง เห็นได้ว่า ถ้าอยากปกป้องตัวเองให้ปลอดภัยจากโรคติดต่อ และโรคระบาด แค่สวมหน้ากาก ล้างมือ ทิ้งระยะห่าง ก็ปลอดภัยแล้ว      

แต่อย่างไรก็ตามยังมีข้อกังวลอยู่เหมือนกัน เนื่องจากมนุษย์เราที่แข็งแรงเพราะติดเชื้อโรคแล้วร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันทำให้ไม่เป็นโรคนั้น หากเราไม่เผชิญกับการติดเชื้อตามธรรมชาติ ก็จะไม่มีการสร้างภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อตามธรรมแบบค่อยเป็นค่อยไป  ยกตัวอย่างในช่วงก่อนโควิด –19 ระบาด โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ อาร์เอสวี เด็กจะค่อย ๆ ทยอยติดเชื้อกัน พอช่วงโควิด-19 ระบาด เด็กไม่ได้ไปโรงเรียนและสวมหน้ากาก ทำให้ไม่ติดเชื้อ  เลยทำให้เขาไม่มีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ ต่อมาในช่วงหลังการระบาดของโควิด – 19 มีการเปิดหน้ากาก  เด็กไม่มีภูมิคุ้มกันทำให้เกิดการติดเชื้อแบบระบาดหนัก เด็กป่วยพร้อม ๆ กันจำนวนมาก เช่นเดียวกับโรคมือเท้าปาก และหลายโรค แต่โชคดีที่ตอนนี้เรามีวัคซีน ป้องกันมือเท้าปากแล้ว ถึงแม้ว่าจะป้องกันไม่ได้ 100 % แต่ก็ทำให้เด็กปลอดภัยจากโรครุนแรง นอกจากนี้กำลังจะมีวัคซีนอาร์เอสวีออกมา  ซึ่งจะนำมาฉีดในหญิงตั้งครรภ์และผู้สูงอายุก่อน     


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad