รู้จัก “ภาวะสายตาสั้นในเด็ก” อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม - Wellness Times News

Breaking

Home Top Ad

POST TOP AD

วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2566

รู้จัก “ภาวะสายตาสั้นในเด็ก” อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม


    ปัญหาความผิดปกติเกี่ยวกับสายตาทั้งภาวะสายตาสั้น สายตายาว และสายตาเอียง   เป็นสิ่งที่รบกวนการมองเห็น และการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก     โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ”เด็ก” ที่จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพทางการเรียน และการทำกิจกรรมต่าง ๆ   และหากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องเหมาะสมอย่างรวดเร็ว   อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อการมองเห็นระยะยาว   ทำให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นไปตลอดชีวิตได้

     โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  “ภาวะสายตาสั้นในเด็ก”  เป็นภาวะสายตาผิดปกติในเด็กที่พบมากขึ้น  และที่สำคัญในช่วงการระบาดโควิด-19  ที่ผ่านมาเด็กต้องเรียนแบบออนไลน์   ทำให้เด็กมีภาวะสายตาสั้นเร็วขึ้นและมากขึ้น    เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของภาวะสายตาสั้นในเด็ก และเพื่อเป็นการป้องกันผลกระทบรุนแรงต่อเด็กในระยะยาว  ศ.วุฒิคุณ นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์   ประธานวิชาการราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย และหัวหน้าศูนย์ตาธรรมศาสตร์    ได้มาให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาวะสายตาสั้นในเด็ก  พร้อมกับแนวทางการป้องกันรักษา     


     ศ.วุฒิคุณ นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า  ปัจจุบันปัญหาสายตาสั้นในเด็กเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย   และหลายประเทศในเอเชีย     โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โควิดที่ทำให้เด็กไม่ได้ไปโรงเรียน ต้องใช้ชีวิตอยู่ในห้องแคบ ๆ และการเล่นโทรศัพท์มือถือหรือการเรียนผ่านออนไลน์   ทำให้พบว่ามีเด็กไทยมากกว่า 30%  มีปัญหาสายตาสั้น หรือสายตาเอียง   นอกจากนี้ยังมีการพยากรณ์กันว่าประมาณ 20 ปีกว่าข้างหน้า   ประชากรในโลกจะมีปัญหาเรื่องสายตาผิดปกติมากกว่า  50%  


ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะสายตาสั้นในเด็ก

     ภาวะสายตาสั้นในเด็กอาจจะเกิดได้จากปัจจัย  ดังนี้

1. กรรมพันธุ์  สังเกตได้ถ้าคุณพ่อคุณแม่มีปัญหาสายตาสั้น  ลูกก็จะมีปัญหาสายตาสั้นด้วย    ซึ่งพบว่า หากคุณพ่อหรือคุณแม่ท่านหนึ่งมีปัญหาสายตาสั้น  ลูกมักมีปัญหาสายตาสั้นประมาณ 30%  แต่ถ้าทั้งคุณพ่อและคุณแม่มีปัญหาสายตาสั้นทั้งคู่ พบว่าลูกมีโอกาสมีปัญหาสายตาสั้นมากถึง 60%

2. การใช้ชีวิตประจำวันของเด็ก  จากงานวิจัยในหลาย ๆ ประเทศ   การที่เด็กใช้ชีวิตอยู่กับจอคอมพิวเตอร์ หรือการใช้ชีวิตอยู่แต่ในที่ร่มไม่ได้ออกไปมีกิจกรรมกลางแจ้ง  จะเร่งให้เด็กมีภาวะสายตาสั้นมากขึ้น  ดังนั้นในหลาย ๆ ประเทศจะมีนโยบายให้เด็กไปมีกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อที่จะลดภาวะสายตาสั้นที่จะเกิดขึ้นในเด็ก

ทราบได้อย่างไรว่าเด็กมีภาวะสายตาสั้น

    ปัจจุบันพบเด็กที่มีภาวะสายตาสั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ  เริ่มพบได้ตั้งแต่วัยอนุบาลหรือประถมศึกษาช่วงต้น  และเด็กที่พบว่ามีสายตาสั้นตั้งแต่อายุยังน้อย  จะมีความเสี่ยงที่สายตาสั้นมากในอนาคต   ซึ่งเด็กที่มีปัญหาสายตาสั้นหรือสายตาผิดปกติ เขาไม่สามารถบอกได้    ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองต้องช่วยกันสังเกตพฤติกรรมการมองเห็นที่ผิดปกติของเด็ก  ซึ่งอาการแสดงที่บอกว่าเด็กอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับสายตา เช่น    เด็กมักจะเข้าไปดูโทรทัศน์ใกล้ ๆ  ตั้งใจมองอะไรจะหยีตามองหรือเอียงคอมอง  เด็กเรียนหนังสือไม่ทันเพื่อน   อาการเหล่านี้เป็นอาการที่ต้องพามาพบจักษุแพทย์ เพื่อจะได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที


การตรวจวินิจฉัยภาวะสายตาผิดปกติในเด็กหรือการวัดค่าสายตาสำหรับเด็ก

    เมื่อพบว่าเด็กมีพฤติกรรมการมองเห็นที่ผิดปกติ  คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองควรรีบพามาพบจักษุแพทย์    โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจวินิจฉัยหรือการวัดค่าสายตาในเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี   ควรต้องไปพบจักษุแพทย์   เนื่องจากการวัดค่าสายตาที่ถูกต้องของเด็กจะต้องมีวิธีทางวิชาการที่ถูกต้อง นั่นก็คือ ต้องมีการหยอดยาลดการเพ่งก่อนวัดสายตา   เพื่อให้ได้ค่าสายตาที่ถูกต้อง   เพราะถ้าวัดค่าสายตาเด็กโดยที่ไม่ได้หยอดยาลดการเพ่ง  จะได้ค่าความเพ่งของสายตาเด็กที่มากกว่าผู้ใหญ่หลายเท่า   นั่นคือ จะได้ค่าสายตาสั้นจริงบวกกับค่าสายตาสั้นเทียม    และถ้าหากตัดแว่นตาให้กับเด็กที่ไม่ได้หยอดยาลดการเพ่งหรือวัดค่าสายตาที่ถูกต้องตามหลักวิชาการแล้ว  ก็จะยิ่งทำให้เด็กมีภาวะสายตาสั้นมากขึ้นเรื่อย  ๆ  ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้   


การแก้ไขภาวะสายตาสั้นในเด็ก

    วิธีการแก้ไขสายตาสั้นในเด็กที่นิยมใช้กันคือ

    -การใช้แว่นตา  เมื่อพบว่าเด็กมีภาวะสายตาสั้นจะต้องได้รับการตัดแว่นตาที่เหมาะสม เพราะจะทำให้เด็กกลับมามองชัดได้  ซึ่งการที่เด็กมองชัดมีคุณค่าและมีประโยชน์มากกว่าในผู้ใหญ่ที่ใส่แว่นตามาก  เพราะนอกจากทำให้การมองเห็นของเด็กดีขึ้นแล้ว  ยังช่วยทำให้พัฒนาการการเรียนรู้ของเขาดีขึ้นด้วย    ส่งผลทำให้เด็กมีความมั่นใจในการใช้ชีวิต  สามารถทำกิจกรรมการเล่นและกิจกรรมการเรียนได้ดีขึ้น

    -การทำเลสิก (LASIK) เหมาะสำหรับเด็กอายุ 18 ปีขึ้นไปที่มีค่าสายตาเริ่มนิ่ง    ซึ่งการทำเลสิก (LASIK) จะทำให้ภาวะสายตาผิดปกติกลับมาเป็นภาวะสายตาปกติได้

    ปัจจุบันมีนวัตกรรมใหม่ ๆ  ที่จะสามารถช่วยชะลอภาวะสายตาสั้นในเด็กไม่ให้มากจนเกินไป ซึ่งมี 2 วิธีหลัก คือ

    1.การใช้ยาชะลอสายตาสั้น   ยาชนิดนี้จะมีผลในการลดการเพ่งของตาเด็ก ซึ่งเป็นต้นเหตุของภาวะสายตาสั้นคือ  ยา atropine  โดยนำยามาผสมกับน้ำเกลือหรือน้ำตาเทียม  และให้เด็กหยอดวันละครั้งก่อนนอน   สามารถใช้ได้ในเด็กอายุตั้งแต่ 5 -18 ปี   ทั้งนี้จักษุแพทย์จะมีการนัดมาตรวจประเมินการรักษาเป็นระยะทุก 3-6 เดือน  ยานี้จะสามารถช่วยชะลอภาวะสายตาสั้นในเด็กไม่ให้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว    ซึ่งมีงานวิจัยในหลายประเทศที่ทำมาเป็น 10 ปี  พบว่าค่อนข้างปลอดภัย และมีผลข้างเคียงน้อยมาก  ปัจจุบันในประเทศไทยมีการรักษาในหลายโรงพยาบาล  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงพยาบาลใหญ่

    2.การใช้เลนส์แว่นตาชะลอสายตาสั้น  เป็นเลนส์แว่นตาชนิดพิเศษที่แตกต่างจากเลนส์แว่นตาสายตาสั้นทั่วไป  เนื่องจากเลนส์แว่นตาสายตาสั้นทั่วไปเป็นเพียงเลนส์แว่นตาที่ทำให้เด็กมองเห็นชัดขึ้นเท่านั้น   แต่เลนส์แว่นตาชะลอสายสั้นจะมีโครงสร้างพิเศษที่ทำให้เด็กมองเห็นชัดขึ้น และยังช่วยชะลอภาวะสายตาสั้นได้   นอกจากนี้ตัวเลนส์แว่นตามีสารเคลือบพิเศษที่ช่วยในเรื่องของกันแสงสะท้อนกันแสงยูวี  ซึ่งมีความปลอดภัยสำหรับเด็ก     เลนส์แว่นตาชะลอสายตาสั้นนี้เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6-18 ปี      เลนส์แว่นตานี้ได้มีการนำเข้ามาในประเทศไทย  ผ่านการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) แล้ว  มีผลงานวิจัยจากต่างประเทศพบว่า เลนส์แว่นตาชนิดพิเศษจะช่วยชะลอภาวะสายตาสั้นในเด็กได้ถึง 60%  

ทั้งเทคโนโลยีการใช้ยาหยอดตาและการใช้เลนส์แว่นตาชนิดพิเศษ  นับว่าเป็นความหวังที่จะช่วยป้องกันปัญหาภาวะสายตาสั้นของเด็กซึ่งเราพบมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบันทั้งเด็กไทย   เด็กเอเชีย  และเด็กทั่วโลก

วิธีการดูแลภาวะสายตาผิดปกติในเด็ก

    โดยทั่วไปภาวะสายตาผิดปกติในเด็กหรือภาวะสายตาสั้นในเด็กจะมีการเปลี่ยนแปลงค่าสายตาไปเรื่อย ๆ ตามการเปลี่ยนแปลงการเติบโตของลูกตาของเขา   สำหรับวิธีการดูแลภาวะสายตาผิดปกติในเด็ก ได้แก่

     -คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองต้องช่วยสังเกตพฤติกรรacมการมองเห็นที่ผิดปกติของเด็กที่อาจจะแสดงว่าเด็กมีภาวะสายตาผิดปกติ หรือมองเห็นภาพไม่ชัด  เช่น  เด็กชอบเข้าไปดูโทรทัศน์ใกล้ๆ  หรือเด็กชอบหยีตามอง หรือเอียงคอมอง หรือเด็กเรียนหนังสือไม่ทันเพื่อน  เป็นต้น  คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองต้องพาเด็กไปพบจักษุแพทย์เพื่อจะได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง

     -เด็กที่มีภาวะสายตาสั้น หรือสายตาเอียง สายตายาวมาก ๆ การที่เขาไม่ได้รับการดูแลแก้ไขตั้งแต่ต้นในช่วง 12-15 ปีแรก อาจทำให้ประสาทสมองในส่วนที่เกี่ยวกับการมองเห็นของเขาขาดพัฒนาการอย่างเหมาะสม  จะทำให้เด็กเกิดภาวะพิการด้านสายตาอย่างถาวร  หรือเกิดภาวะที่เรียกว่า ตาขี้เกียจ    แม้ว่าเราจะไปแก้ไขให้เขาหลังจากอายุ  12-15 ปีไปแล้ว    ก็มักไม่สามารถทำให้เด็กคนนั้นกลับมามองเห็นได้

    -ค่าสายตาของเด็กจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามการเติบโตของลูกตา ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็วกว่าในผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองควรจะต้องพาเด็กที่มีปัญหาสายตาไปตรวจกับจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง

    -คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองควรดูแลเด็กอย่างเหมาะสม  ให้เด็กได้มีกิจวัตรประจำวันที่เหมาะสม   ซึ่งมีการศึกษาวิจัยพบว่า การที่เราให้เด็กได้มีกิจกรรมกลางแจ้งมากขึ้น โดยอย่างน้อยวันละ 2 ชั่วโมง   รวมถึงกรณีที่เด็กมีความจำเป็นที่จะต้องใช้โทรศัพท์มือถือหรือใช้แท็ปเลต ควรให้เด็กมีการหยุดพักสายตาเป็นระยะ เช่น ทุก 20 นาที  ควรให้เด็กหยุดพักจากกิจกรรมบนจอโทรศัพท์มือถือหรือแท็ปเลตอย่างน้อย 1 นาที   เป็นต้น    ก็จะช่วยชะลอภาวะสายตาผิดปกติในเด็กได้

    ทั้งนี้ ศ.วุฒิคุณ นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาวะสายตาสั้นในเด็กเป็นภาวะที่อาจจะช่วยป้องกันได้  อย่างน้อยที่สุดคือ ผู้ปกครองต้องมีการแนะนำการใช้สายตาอย่างเหมาะสมกับเด็ก  มีการกำหนดระยะเวลาในการใช้สายตา  และพยายามกระตุ้นให้เด็กได้มีกิจกรรมกลางแจ้ง   นอกจากนี้สายตาสั้นในเด็กอาจจะแตกต่างจากผู้ใหญ่  แม้ว่าอาจจะทำให้มองเห็นไม่ชัดเหมือนกับในผู้ใหญ่  แต่การแก้ไขให้เด็กกลับมามองเห็นชัดนั้น  นอกจากช่วยให้เด็กมองเห็นทุกอย่างชัดขึ้น   ยังช่วยทำให้เขามีประสิทธิภาพในการเรียนรู้ และมีพัฒนาการที่ดีขึ้น    และที่สำคัญเนื่องจากเด็กยังมีการพัฒนาของระบบประสาทยังไม่เต็มที่เหมือนผู้ใหญ่   การที่เราปล่อยให้เด็กมีภาวะสายตาผิดปกติแล้วไม่ได้รับการแก้ไข   อาจทำให้สมองส่วนเกี่ยวกับการมองเห็นมีการพัฒนาการน้อย    ทำให้เกิดการสูญเสียความสามารถในการมองเห็นอย่างถาวร  ที่เรียกว่าภาวะตาขี้เกียจซึ่งจะส่งผลกระทบในระยะยาวกับเด็กได้

 ภาวะสายตาสั้นในเด็กมีความสำคัญมาก   คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองต้องคอยหมั่นสังเกตว่าเด็กมีความผิดปกติเกี่ยวกับการมองเห็นหรือเปล่า    หากพบว่าเด็กมีภาวะสายตาผิดปกติ    ควรรีบพาไปพบจักษุแพทย์เพื่อแก้ไขเร็วที่สุด    ก่อนที่จะส่งผลกระทบในระยะยาวต่อไป


  


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad