โควิด-19 กระตุ้นคนไทยห่วงสุขภาพ ผลสำรวจชี้เกือบ 9 ใน 10 คนเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น - Wellness Times News

Breaking

Home Top Ad

POST TOP AD

วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2564

โควิด-19 กระตุ้นคนไทยห่วงสุขภาพ ผลสำรวจชี้เกือบ 9 ใน 10 คนเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นอย่างชัดเจน ผลการสำรวจในระดับโลกที่จัดทำขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ โดยแอมแวย์ โกลบอล บริษัทขายตรงระดับโลกด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Health & Wellness) และเดอะ โลจิต กรุ๊ป (The Logit Group) ชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงเวลากว่า 18 เดือนที่ผ่านมา โดยคนไทยจะแสดงออกถึงความกังวลและความมุ่งมั่นในเรื่องสุขภาพมากกว่าชาติอื่น 

การสำรวจดังกล่าวมาจากความเห็นของผู้เข้าร่วมการสำรวจมากกว่า 8,000 คนจาก 8 ประเทศ ซึ่งรวมถึงคนไทยจำนวน 1,025 คน โดยพบว่าผู้เข้าร่วมการสำรวจทั่วโลกมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Health & Wellness) ไปในทางที่ดีขึ้น โดย 88% ของคนไทยที่เข้าร่วมการสำรวจกล่าวว่า พวกเขาพยายามดูแลสุขภาพในปัจจุบันให้ดีขึ้น และ 73% กล่าวว่าพวกเขาทำเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และขณะเดียวกัน ผู้บริโภคยังหาวิธีเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น โดย 87% ของคนไทยที่เข้าร่วมการสำรวจกล่าวว่า พวกเขารับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีเป็นประจำ


ผู้บริโภคคาดหวังถึงความโปร่งใสเกี่ยวกับแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์และวิธีการผลิต

ผู้บริโภคในกลุ่มผู้ใหญ่มีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับชนิดของผลิตภัณฑ์ที่ตนเองบริโภค และผู้เข้าร่วมการสำรวจคนไทยจำนวนเกือบ 3 ใน 4 คน (คิดเป็น 73% / ค่าเฉลี่ยของโลก 66%) กล่าวว่าการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ถึงแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ หรือการได้รู้ว่าผลิตภัณฑ์และส่วนผสมที่ใช้นั้นมาจากที่ไหน เป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ คนไทยเกือบ 9 ใน 10 คน (คิดเป็น 89% / ค่าเฉลี่ยของโลก 69%) กล่าวว่าพวกเขาจะมีความเชื่อมั่นในบริษัทมากขึ้นถ้าผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของบริษัทนั้นๆ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ง่าย โดยกลุ่มผู้ใหญ่มักจะมองหาตราประทับรับรองที่เชื่อถือได้เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (คนไทย 85% / ค่าเฉลี่ยของโลก 70%) หรือต้องการทราบว่าผลิตภัณฑ์มีการทดสอบเรื่องความปลอดภัยอย่างไร (คนไทย 76% / ค่าเฉลี่ยของโลก 64%)

นายกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จากผลสำรวจระดับโลกชิ้นนี้ยืนยันถึงความต้องการเรื่องความปลอดภัย ความโปร่งใส และการตรวจสอบย้อนกลับ (traceability) ของผู้บริโภค ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยคนไทยแสดงออกถึงความกังวลและความมุ่งมั่นในเรื่องสุขภาพมากกว่าชาติอื่น แอมเวย์เชื่อว่าผู้บริโภคควรได้รู้ว่าผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาบริโภคมีส่วนผสมอะไรบ้าง โดยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์จากแอมเวย์ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคชาวไทย สร้างยอดขายเกือบ 70% ของยอดขายรวมของบริษัท เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของส่วนผสมจากพืชธรรมชาติ ตั้งแต่เมล็ดพันธุ์จนมาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจถึงความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่เป็นสัญญาณเตือนให้ผู้บริโภคหันมาเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและกระตุ้นให้ผู้คนหันมาดูแลรักษาสุขภาพกันเพิ่มมากขึ้น แอมเวย์ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเติมเต็มความต้องการด้านสุขภาพและไลฟ์สไตล์ให้กับผู้บริโภค ทั้งด้านการสร้างภูมิคุ้มกัน การควบคุมน้ำหนัก และด้านความงาม”    

ความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของแอมเวย์ในด้านการตรวจสอบย้อนกลับ

86% ของคนไทยที่เข้าร่วมการสำรวจ (ค่าเฉลี่ยของโลก 73%) ระบุว่าพวกเขามีการรับรู้มากขึ้นถึงที่มาของส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของแอมเวย์มีการทดสอบโดยเฉลี่ย 200 ครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์มีความบริสุทธิ์ ปลอดภัย และได้ผลดีมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยโปรแกรมตรวจสอบย้อนกลับของแอมเวย์ได้รับการรับรองโดยโปรแกรมนิวทริเซิร์ทและมีการตรวจสอบอย่างอิสระโดย Groupe Ecocert ซึ่งเป็นองค์กรระดับโลกที่มุ่งเน้นการดำเนินงานและส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและการทำเกษตรอินทรีย์


สำหรับนิวทริไลท์ซึ่งเป็นแบรนด์วิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มียอดขายอันดับ 1 ของโลก* มีกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับ 9 ขั้นตอน อย่างพิถีพิถัน โดยเริ่มตั้งแต่ระดับฟาร์มเพาะปลูกส่วนผสมจากพืชธรรมชาติ ซึ่งเป็นฟาร์มออร์แกนิคที่ได้รับการรับรองของแอมเวย์และฟาร์มพันธมิตร รวมถึงขั้นตอนอื่นๆ ทุกขั้นตอนในวงจรการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรส่วนผสมไปจนถึงการบรรจุผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีการจัดทำระบบเอกสารเพื่อพิสูจน์ว่าผลผลิตทางการเกษตรแต่ละชนิดผ่านการปลูกโดยเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพของแอมเวย์และข้อกำหนดด้านการเกษตรแบบยั่งยืน และยังสอดคล้องกับความมุ่งมั่นเอาใจใส่ต่อความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานและชุมชนโดยรอบ 

* ที่มา: ยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล; www.euromonitor.com/amway-claims (2019)


ผลการสำรวจเพิ่มเติม เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา

คนไทยมีแนวโน้มเปิดรับผลิตภัณฑ์วิตามินรวมชนิดใหม่หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ มากกว่ากลุ่มประเทศอื่น  (คนไทย 62% / ค่าเฉลี่ยของโลก 47%)

ผู้เข้าร่วมการสำรวจกล่าวว่า รู้สึกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาบริโภค (คนไทย 60% / ค่าเฉลี่ยของโลก 58%) 

ผู้เข้าร่วมการสำรวจทั่วโลกระบุว่าตัวเองมีการเลือกการรับประทานอาหารที่ดีขึ้น (คนไทย 64% / ค่าเฉลี่ยของโลก 50% ) และการออกกำลังกายเป็นประจำ (คนไทย 58% / ค่าเฉลี่ยของโลก 48%)

วิธีทำการสำรวจ

ผลการสำรวจนี้จัดทำขึ้นโดยเดอะ โลจิต กรุ๊ป (The Logit Group) ในนามของแอมเวย์ โกลบอล เมื่อเดือนสิงหาคม 2564 มีผู้เข้าร่วมการสำรวจจำนวนทั้งหมด 8,040 คน จาก 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย (n = 1,025) อินเดีย (n = 1,002) ญี่ปุ่น (n = 1,001) มาเลเซีย (n = 1,004) เกาหลีใต้ (n = 1,006) ไต้หวัน (n = 1,000) อิตาลี (n = 1,002) และสหรัฐอเมริกา (n = 1,000)  มีการใช้กลุ่มตัวอย่างแบบกำหนดโควต้าเพื่อให้ได้ตัวแทนตามอายุ เพศ และภูมิภาคภายในแต่ละประเทศ

เกี่ยวกับแอมเวย์

แอมเวย์เป็นบริษัทขายตรงชั้นนำด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเอด้า รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา เปิดดำเนินการในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก แบรนด์ที่มียอดขายสูงสุดของแอมเวย์ ได้แก่ นิวทริไลท์ อาร์ทิสทรี และเอ็กซ์เอส ซึ่งจำหน่ายโดยนักธุรกิจแอมเวย์  (Amway Business Owner) แอมเวย์เป็นธุรกิจขายตรงอันดับ 1 ของโลก จากการจัดอันดับ 100 ธุรกิจทั่วโลกของนิตยสาร Direct Selling News ปี 2021 ติดตามข่าวสารของแอมเวย์เพิ่มเติมได้ที่ www.amwayglobal.com/newsroom 


บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2530 ปัจจุบันเป็นผู้นำในธุรกิจขายตรงระบบการตลาดหลายชั้นผ่านนักธุรกิจแอมเวย์ทั่วประเทศ และมียอดขายอันดับ 1 ของประเทศ (จากรายงานงบการเงินของกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563) 


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad